Good Quote

Stand up for what is right. Even if you’re standing alone.

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ทิศทางสำคัญกว่าความเร็ว

มีประวัติอัจฉริยะท่านหนึ่งที่ผมชอบมาก

“ ไอน์สไตน์ ”  อัจฉริยะที่โลกยกย่อง

ตามประวัติในวัยเด็ก ท่านนั้นมีพัฒนาการช้า และถูกคุณครูว่ากล่าวอยู่เสมอ ครูบางคนถึงกับกล่าวว่า “เขามีพัฒนาการช้า ไม่ชอบเข้าสังคม และจมอยู่แต่ในโลกของความโง่งม”

ไอน์สไตน์ เคยถูกเรียกลับหลังว่า “เด็กติงต๊อง”  หรือ “เด็กเฉียดปัญญาอ่อน”  หรือ “พ่อน่าเบื่อ”

โดยแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก ด้วยเหตุผลเพียงเพราะไอน์สไตน์มีพัฒนาการทางการพูดช้ากว่าเด็กทั่วไป เขาเริ่มพูดบ้างเมื่ออายุมากกว่า 2 ขวบไปแล้ว

 ในตอนนั้นไม่มีใครคาดคิด

“ เขาจะเติบโตมาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ”

แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญเกิดขึ้น เมื่อไอน์สไตน์อายุได้ 5 ขวบ  ก็มีเหตุการณ์ประทับใจที่ทำให้เขาจดจำไปชั่วชีวิต  นั่นคือ  คุณพ่อได้มอบเข็มทิศให้ขณะที่เขากำลังล้มป่วยและนอนซมอยู่บนเตียง
ประกายไฟเล็กๆในหัวใจดวงน้อยๆได้ถูกจุดขึ้น
ไอน์สไตน์รู้สึกทึ่งเหลือเกินว่า  ทำไมเข็มทิศถึงได้ชี้ทิศเหนืออยู่ตลอดเวลา?  มันต้องมีพลังอะไรสักอย่างที่เรามองไม่เห็น  รู้สึกก็ไม่ได้  ที่ทำให้เข็มทิศมีพฤติกรรมเช่นนั้น  นี่คือความประทับใจทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของเขา  ซึ่งเชื่อกันว่ามีผลต่อความมุ่งมั่นในการค้นหาสัจจะแห่งธรรมชาติตลอดชั่วชีวิตของเขา
เมื่อไอน์สไตน์ได้รู้ว่าตนเองนั้นมีความสามารถทางคณิตศาสตร์ ก็ได้พัฒนาตนเองให้เรียนรู้อย่างรวดเร็ว เน้นศาสตร์ด้านแคลคูลัส เรขาคณิตวิเคราะห์ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างแตกฉาน แม้ครอบครัวต้องอพยพไปอยู่ที่อื่นเนื่องจากปัญหาทางธุรกิจ ไอน์สไตน์ก็จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองมิวนิกเพียงคนเดียว  และมุ่งมั่นที่จะจบหลักสูตรด้วยตนเองเพียงลำพัง

จากเด็กที่เคยถูกสบประมาทว่า “โง่”  “เด็กติงต๊อง”  หรือ “เด็กเฉียดปัญญาอ่อน”

แต่ในวันนี้เขากลับกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็น “อัจฉริยะ”

ความสงสัยก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ

ความมุ่งมั่นเป็นพัฒนาการธรรมชาติของความสำเร็จ 


ประเด็นอยู่ที่ว่า…

เราจะเดินช้าหรือเดินเร็ว

มันไม่สำคัญเท่ากับว่า เราเดินไปทางไหน

ถึงแม้เราจะเดินเร็ว แต่ถ้าเดินไปผิดทิศ
ก็ไม่มีวันถึงจุดหมาย
ดังนั้นใครจะว่าเราโง่หรือฉลาด..
ใครจะว่าเราเดินช้าหรือเดินเร็ว…มันไม่สำคัญ
ขอเพียงเรามีแรงบันดาลใจ ที่จะทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ

ทิศทางนั้น  สำคัญกว่าความเร็ว

มุ่งไปให้ถูกทิศ….

แล้วสักวันหนึ่ง ย่อมถึงจุดหมาย..อย่างแน่นอน

cr. OK Nation TV

ดาวมหาวิทยาลัย



ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย เด็กสาวนางหนึ่งซึ่งหน้าตาก็ไม่ได้สวยอะไรมาก เธอสมัครเป็นดาวคณะ
ตอนที่เธออออกมาแนะนำตัวต่อหน้าเพื่อนนิสิต เธอบอกว่า

“หากเพื่อนๆเลือกฉัน อีกสิบปีข้างหน้า เพื่อนๆสามารถอวดกับลูกๆและสามีได้ว่า ในปีที่แม่เรียนอยู่ แม่สวยกว่าดาวของคณะ”

เมื่อถึงเวลาเลือกดาวคณะ ปรากฏว่าเธอชนะ

การจะพูดให้คนอื่นยอมรับคุณ ไม่ต้องบอกในความพิเศษและโดดเด่นของคุณ แต่จงทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเพราะคุณ พวกเขาจึงมีความพิเศษและโดดเด่นขึ้น

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เรื่องของพระที่โยมควรรู้



วันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
‘ พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ’
‘ หา อะไรนะ’
‘ พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ’
‘ ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร’
‘ อ๋อ ขอโทษค่ะ’

หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า
‘ เจริญพร’
‘ ค่ะ เจริญพรเช่นกัน’
แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย

ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม จนถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่นพอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
‘ ถวายสังฆทานค่ะ’
พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
‘ ไม่ต้องค่ะ’ โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
‘ ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ’ เธอพนมมือขึ้น ก่อนกล่าวว่า
‘ อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ’ ( ที่ถูกต้อง จะต้องเป็น ภิกขุ สังโฆ)

พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา
‘ คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะแม่งๆ นะหลวงพี่’
อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า
‘ คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก’
เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย

แต่ก็มีบางกรณี ที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา
‘ หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ’
‘ ไปไหนล่ะโยม’
‘ ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ’
โห นิมนต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะคุณโยม
*ใช้ชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

เจ้ามดน้อย



กาลครั้งหนึ่ง... นานมาแล้ว
ทุกๆวัน มดตัวน้อยมาทำงานแต่เช้า และลงมือทำงานทันที
มดน้อยสร้างผลงานมากมาย และมดน้อยก็มีความสุขกับงานดี

สิงโตที่เป็นหัวหน้า
ก็รู้สึกแปลกใจที่มดน้อยทำงานได้ดีโดยไม่ต้องมีการควบคุม

สิงโตเลยคิดใหม่ทำใหม่
โดยใช้แนวคิดว่า ขนาดไม่มีหัวหน้าดูแลยังทำงานดีเช่นนี้
แล้วถ้ามีหัวหน้า เธอต้องทำงานดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

สิงโตจึงจ้าง แมลงสาบมาเป็นหัวหน้ามดน้อย
และแมลงสาบมีความสามารถมากในเรื่อง "การเขียนรายงาน"
แมลงสาบ เริ่มด้วยการตั้งระบบลงเวลาทำงาน
โดยการตั้งเครื่องตอกบัตร
แมลงสาบต้องการเลขามาช่วยเขียน พิมพ์รายงาน
ชงกาแฟ เดินเอกสาร ส่งจดหมาย และคอยจับผิดมดน้อย
แมลงสาบจึงจ้าง ควายมาเป็นเลขาส่วนตัว

สิงโตปลื้มกับการทำงานของแมลงสาบมาก
ที่ให้รายงานและแนวโน้มต่างๆ
จากที่ส่งให้พิจารณา ทำให้แมลงสาบได้หน้า
เพื่อการนี้ แมลงสาบจึงขอซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์
ติดอินเตอร์เนตและเครื่องพิมพ์เพื่อการทำงานให้สิงโต
แน่นอนว่าต้องมี แผนก IT ตามมา

เขาจึงจ้างตัวเห็บมาเป็น IT manager
ตัวเห็บก็ของบประมาณเพื่อ จ้างลูกมือและอุปกรณ์ซ่อม

แต่มดเบื่อกับระบบงานแบบใหม่มาก
เพราะมัวแต่รายงาน งานเอกสารมากมาย
และการประชุมที่แสนเสียเวลา
แมลงสาบเห็นมดน้อยทำงานช้าขึ้นเพราะต้องเขียนรายงาน
จึงจัดเลือกหาหัวหน้าแผนกมาคอยดูและจดรายงาน
ตำแหน่งนี้ตกเป็นของ ตัวทาก

ตัวทากเป็นบุคลากรที่ทำงานได้อย่าง "เชื่องช้า" มาก
จึงดูเป็นคนที่รอบคอบ และได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกไป
และแผนกที่มดน้อยทำงานก็เป็นแผนกที่โศกเศร้า
ไร้เสียงหัวเราะ ทุกคนในแผนกก็หัวเสียง่าย
ตัวทากของบทำการสำรวจ ศึกษา สภาพการทำงานที่เหมาะสม
แผนกมดน้อย ทำงานได้แย่ลง

สิงโตก็เห็นด้วยว่าที่แผนกมด ทำงานได้แย่ลง
จึงจ้างตัวเหี้ย(ตัวเงินตัวทอง) เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
เพื่อศึกษาวิธีการที่จะเพิ่มผลิตภาพ

ตัวเหี้ยสรุปว่า ที่แผนกของมดน้อย
มีการจ้างคนมากเกินไปเลยทำให้ผลิตภาพไม่ดี
เดากันน่ะ... ว่าใครจะถูกปลดออกเป็นคนแรก
v
v
v
v
v
v
มดน้อยนั่นเอง
เพราะตัวเหี้ยบอกว่า มดน้อยเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจ และทัศนคติไม่ดี
ลาก่อน... มดน้อย
แล้วคุณล่ะเป็นใครในนี้บ้างไหมเอ่ย